ลพบุรี มีชื่อเสียงโด่งดังและโดดเด่นในด้านประวัติศาสตร์ เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ ศาลพระกาฬ ก็เป็นหนึ่งในที่เที่ยวลพบุรีที่สามารถอธิบายคำนิยามของเมืองแห่งโบราณสถานในสมัยขอมโบราณ เมืองเก่าแก่ที่มีชื่อเรียกในอดีตว่าเมืองละโว้ แหล่งการค้าและศูนย์รวมทางจิตใจของคนสมัยก่อน รุ่งเรืองมากที่สุดในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-14
เห็นได้ชัดว่า แม้จะมีประวัติยาวนานเช่นนี้ แต่เมืองลพบุรีก็ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยแบบดั้งเดิมไว้ได้มาก ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความคลาสสิก มองไปทางไหนก็ดูวินเทจไปหมด เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองแห่งนี้เลยก็ว่า สำหรับศาลดังกล่าว ก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรีเช่นกัน วันนี้ตาม ซอกแซก.com ไปทำความรู้จักจุดเช็คอินยอดฮิตแห่งนี้ให้มากขึ้นพร้อมกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เปิดประวัติศาลพระกาฬ โบราณสถานชื่อดังแห่งเมืองลพบุรี ส่องที่มาที่ไปพร้อมปักหมุดพิกัดสไตล์สายมู
ศาลพระกาฬ นิยมเรียกกันอีกชื่อว่า “ศาลสูง” เป็นโบราณสถานและศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่งในเมืองลพบุรี ที่ผู้จำนวนมากให้ความเคารพนับถือ ตั้งอยู่ใจกลางวงเวียนศรีสุนทรบนถนนนารายณ์มหาราช ศาลแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีลักษณะโดดเด่นคือ เป็นเทวสถานขอมโบราณที่มีความเก่าแก่และอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน โดยมีการค้นพบศิลาจารึก 8 เหลี่ยมที่จารึกอักษรมอญโบราณเอาไว้ แถมยังมีไฮไลท์เด็ดเป็นจุดที่มีฝูงลิงอาศัยอยู่กว่า 300 ตัว
ที่มาของคำว่า “ศาลสูง” มาจากศิลาแลงที่ถูกสร้างซ้อนกันเป็นฐานสูง ตามข้อสันนิษฐานว่ากันว่า ที่ตั้งของศาลแห่งนี้เคยเป็นสิ่งก่อสร้างในสมัยขอม ตามตำนานเล่าขานว่าเมืองลพบุรีเคยเป็นส่วนหนึ่งของขอมโบราณเมื่อครั้งในอดีต ทั้งยังมีการกล่าวว่า ศาลแห่งนี้อาจเคยเป็นศาสนสถานของนิกายเถรวาทมาก่อน และเมื่อกาลเวลาผ่านไป จึงถูกดัดแปลงเป็นเทวสถานในนิกายไวษณพของศาสนาฮินดูแทน ทั้งนี้ภายในศาลยังเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่อพระกาฬ เทวรูปที่ถูกสร้างขึ้นในยุคที่ขอมเรืองอำนาจ
ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงให้สร้างศาลเทพารักษ์ก่ออิฐถือปูนขนาดย่อม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะตามพระราชนิยม โดยออกแบบเป็นทรงตึกสไตล์เปอร์เซียผสมผสานความเป็นไทย และสร้างขึ้นบนศิลาแลงเดิมที่ภายในบรรจุทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์และเทวรูปสีดำ กลายเป็นศาลประจำเมืองให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชากันในสมัยนั้น
จนมาถึงปี พ.ศ. 2494 ศาลแห่งนี้เกิดการชำรุดทรุดโทรมลงมาก จึงมีการสร้างขึ้นใหม่จากแรงศรัทธาของชาวลพบุรีที่เคารพนับถือเจ้าพ่อ ร่วมกันบริจาคเพื่อสร้างทับบนรากฐานเดิมที่สร้างไว้ในครั้งก่อนอีกทีหนึ่ง แน่นอนว่าการสร้างครั้งนี้ ผ่านการออกแบบใหม่ทั้งหมด และนำเสนอผ่านสถาปัตยกรรมทรงไทยร่วมสมัยตามแบบฉบับของกรมศิลปากรสมัยหม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์ ใช้เวลาเพียง 2 ปีก็แล้วเสร็จสมบูรณ์ กลายเป็นที่เที่ยวสายบุญซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น.
พาไปสักการะศาลพระกาฬ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองลพบุรี เสริมสิริมงคล รับความปังตลอดทั้งปี เที่ยวทั้งทีต้องคุ้ม
ในหัวข้อนี้เราจะกล่าวถึงเจ้าพ่อพระกาฬแห่งศาลพระกาฬกันบ้าง เทวรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยขอมโบราณ ว่ากันว่าแต่เดิมมีพระกายสีดำ ทำมาจากศิลา ลักษณะเด่นคือไม่มีพระเศียรและพระกร หลายหน่วยงานสันนิษฐานกันว่าอาจเป็นพระวิษณุ หรือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แถมยังมีเรื่องเล่าต่อกันมาด้วยว่า เจ้าพ่อได้ไปเข้าฝันผู้มีศรัทธาบอกเป็นนัยว่า
ขอพระเศียรและพระกรเท่าที่จะหามาได้ ทำให้มีคนจัดหาศิลาทรายศิลปะสมัยอยุธยามาถวายเป็นส่วนพระเศียร ส่วนพระกรสามารถหามาได้เพียงข้างเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 4 ข้าง และหากมีโอกาสได้ไปเช็คอินที่เที่ยวสายมูแห่งนี้จะพบว่า ในปัจจุบันองค์เจ้าพ่อจะไม่เหลือเค้าเดิมดังที่กล่าวมาให้ได้ดูกันแล้ว แต่ถูกปิดด้วยทองจากผู้คนที่แวะเวียนมากราบไหว้ขอพร
แวะเติมแต้มบุญกันที่ศาลพระกาฬเรียบร้อย ห้ามพลาดแวะสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง
ท่องเที่ยวศาลพระกาฬตามสไตล์สายมูกันจนจุใจแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวแนวอื่นกันดูบ้าง แล้วคุณจะพบว่าที่เที่ยวใกล้กรุงเทพอย่างเมืองลพบุรี ก็มีอะไรน่าสนใจมากกว่าจะเป็นแหล่งรวมโบราณสถานเพียงอย่างเดียว
รถไฟลอยน้ำ
จัดว่าเป็นอันซีนไฮไลท์เด็ดที่พลาดไม่ได้ ของเมืองในฝันที่ดำเนินไปด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตสุดเรียบง่าย ในทุก ๆ ปี การรถไฟแห่งประเทศไทยจะมีการจัดขบวนรถพิเศษนำเที่ยว โดยจะมีการหยุดให้นักท่องเที่ยวชมความงามของธรรมชาติบนสะพานเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ทุ่งทานตะวัน เขาจีนแล
เอาใจสายรักธรรมชาติด้วยวิวทุ่งทานตะวันบานสะพรั่ง เนื่องจากลพบุรีเป็นเมืองที่มีการปลูกดอกทานตะวันเป็นจำนวนมาก การแวะมาเช็คอินถ่ายรูปกับพื้นหลังสวย ๆ จึงเป็นกิจกรรมน่าสนใจ
จุดชมวิวเขาพระยาเดินธง
ชวนขึ้นเขาไปชมวิวสวย 360 องศากันบ้าง รับประกับความสวยงาม แถมไม่ต้องเดินให้เหนื่อย มีบริการรถรับส่ง หรือใครต้องการความท้าทายก็สามารถปั่นจักรยานขึ้นไปได้เช่นกัน เพราะระยะทางสั้นเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น