ขนมทองเอกเป็นขนมไทยโบราณชิ้นสีเหลืองทองที่มีหน้าตารูปลักษณ์งดงามชวนให้อยากจะลิ้มลอง ด้วยรสชาติหอมหวาน ให้สัมผัสนุ่มละมุน ทำให้ขนมทองเอกเป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอย่างมาก อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าขนมไทยนั้นถูกเนรมิตขึ้นมาจากวัฒนธรรมอาหารซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อน ใช้ความประณีตสูงในการคัดสรรวัตถุดิบ แล้วนำมาผ่านกระบวนการทำที่พิถีพิถัน ออกมาเป็นขนมไทยที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล โดยเฉพาะขนมทองเอก เมื่อได้ผ่านความละเมียดละไมในการทำแล้วจึงพิมพ์ลายเป็นรูปทรงสวยงามต่าง ๆ แล้วจะมีการติดประดับทองคำเปลวไว้ตรงกลางบนชิ้นขนม สร้างความโดดเด่นให้ขนมชนิดนี้มากกว่าขนมในตระกูลทองชนิดอื่น ๆ อีกด้วย
เปิดประวัติขนมทองเอก สัมผัสนุ่มนวลที่อยู่คู่คนไทยมาเนิ่นนาน
มีการสันนิษฐานกันไว้ว่าในความจริงแล้วขนมทองเอกอาจไม่ได้มาจากวัฒนธรรมอาหารไทยโบราณดั้งเดิม เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นขนมไทยหาทานได้ยากมาก ไม่ได้มีขายทั่วไปเหมือนในปัจจุบัน แต่จะทำขึ้นในวาระสำคัญของวังหลวงเท่านั้น ซึ่งสูตรขนมตามแบบฉบับดั้งเดิมของไทยจะมีเพียงแค่แป้ง น้ำตาล และกะทิเป็นส่วนส่วนประกอบหลัก แตกต่างกับขนมทองเอกและขนมไทยอื่น ๆ ที่นิยมทานกันในปัจจุบันตรงที่มีการนำไข่มาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอีกอย่างหนึ่ง จึงมีความเชื่อกันว่าขนมไทยชนิดนี้ได้รับการดัดแปลงมาจากตำรับอาหารโปรตุเกสจากฝีมือของท้าวทองกีบม้า ข้าราชการห้องเครื่องต้นในสมัยอยุธยา ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งขนมไทย ที่คิดค้นรังสรรค์เมนูขนมหวานมากมายจนถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน
ขนมทองเอก ขนมไทยมงคล ชื่อนี้ความหมายดี ควรค่าแก่การรักษา
คำว่า “เอก” ในขนมทองเอกเปรียบเสมือนคำอวยพรที่สื่อความหมายถึงความเป็นที่หนึ่ง ขนมไทยโบราณหนึ่งในสมาชิกสำคัญของขนมตระกูลทอง ที่คนไทยยกย่องให้เป็นขนมไทยมงคล 9 อย่าง ได้แก่ ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมเม็ดขนุน ขนมทองเอกกระจังหรือที่เรียกกันว่าขนมดาราทอง ขนมถ้วยฟู ขนมชั้น ขนมเสน่ห์จันทร์ และขนมทองเอกนั่นเอง โดยมีการตั้งชื่อให้เป็นสิริมงคลและความหมายดี นิยมนำมาใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ ในงานมงคลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนไทยจึงมีความคุ้นเคยกับขนมไทยเหล่านี้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือทำอะไรวัฒนธรรมอาหารและขนมของไทยยังคงแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันไม่เคยห่างหายไปไหน ดังนั้นอย่าหลงลืมที่จะให้ความสำคัญกับสมบัติของแผ่นดินที่มีคุณค่า และรักษาไว้ให้อยู่ตลอดไปกันด้วยน้า
เรายังมีเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถติดตามได้ที่ ซอกแซก.com แล้วพบกันค่ะ