
เพชรบุรี นับว่าเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอยู่มากมาย ทั้งยังอยู่ในดรีมลิสต์ของใครหลายคนที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง แหลมผักเบี้ย ก็เป็นหนึ่งในที่เที่ยวเพชรบุรี ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี ที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า เขาวัง หรือจะเป็นถ้ำที่มีความสูงถึง 90 เมตรอย่าง ถ้ำเขาหลวง ตื่นตาตื่นใจไปกับหินงอกหินย้อยที่อยู่ภายใน แล้วยังสามารถมองเห็นแสงลอดผ่านข้ามาในถ้ำได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสายธรรมชาติอีกมากมาย แต่ที่เรากล่าวไปก็เห็นจะมีแต่ภูเขา ในบทความนี้เราจึงจะพาทุกคนไปเช็คอินที่เที่ยวเพชรบุรีในรูปแบบทะเลกันบ้าง ตาม ซอกแซก.com ไปดูกันว่าที่แหลมแห่งนี้จะมีอะไรน่าสนใจรอให้เราไปสัมผัสด้วยตัวเองอยู่บ้าง
ทำความรู้จักแหลมผักเบี้ย เพิ่มองค์ความรู้ก่อนออกเดินทางไปค้นหาประสบการณ์ใหม่จากการท่องเที่ยว
หากจะมองเพียงรูปที่มีอยู่ตามอินเทอร์เน็ตแบบผ่าน ๆ หลายคนคงคิดว่าที่ไม่ใช่ป่าชายเลน เพราะมีความสวยงามชวนฝันของท้องทะเลที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจน แต่ในความจริงแล้วแหลมผักเบี้ยไม่ได้เป็นเพียงป่าชายเลนธรรมดาที่มีต้นโกงกาง ปลาตีน หรือปูเท่านั้น เพราะยังเป็นที่เที่ยวเพชรบุรีมีชื่อเต็ม ๆ ว่า “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นโครงการบำบัดน้ำเสียของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยเน้นไปที่การใช้ธรรมชาติมาเป็นตัวช่วยบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำลำคลองและทะเล

ด้วยเหตุผลที่ว่า น้ำเสียในพื้นที่โดยรอบ เป็นน้ำที่เน่าเสียมากจนสัตว์น้ำไม่สามารถอาศัยอยู่ได้เลย จึงเกิดเป็นโครงการที่ดึงเอาคุณสมบัติทางธรรมชาติมาใช้แก้ปัญหาทดแทนเทคโนโลยีที่มีราคาสูง กลายมาเป็นระบบป่าโกงกางกักน้ำเค็มผสมน้ำเสีย ระบบบ่อพักน้ำแรงลมธรรมชาติ ระบบหญ้าบำบัดน้ำเสียปล่อยน้ำเสียเข้าแปลงหญ้าหรือต้นธูปฤๅษีแล้วผลักน้ำออก แน่นอนว่าผลลัพธ์ของทุกระบบสามารถแก้ไขปัญหาน้ำเสียได้อย่างดีเยี่ยมแถมยังมีต้นทุนที่ต่ำ แต่กลับได้ผลสัมฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพ ส่วนประสิทธิผลที่ได้ก็คุ้มค่าเช่นเดียวกัน เพราะไม่จำเป็นต้องให้อาหารปลาที่เลี้ยงไว้ในบ่อพักน้ำ แต่สามารถเก็บปลาตัวโตได้หลายตันต่อปี หญ้าที่ปลูกอยู่ในแปลงบำบัดก็นำไปเป็นอาหารสัตว์ต่อได้ หรือต้นธูปฤๅษีที่นำไปทำงานหัตถกรรมจักสานต่อได้ ที่สำคัญป่าโกงกางยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด เป็นการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศไว้ได้อีกทางอีกหนึ่ง
ที่เที่ยวเพชรบุรีแห่งนี้ มีรูปร่างเป็นแหลมเล็ก ๆ ที่ยื่นลงไปลงในทะเลอ่าวไทย ได้รับการขนานว่า “ทรายเม็ดแรกของทะเลอ่าวไทย” เนื่องจากบริเวณปลายแหลมมีพื้นทรายระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร จึงถูกนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นหาดทรายของริมฝั่งทะเลอ่าวไทย เพราะฝั่งตะวันออกส่วนใหญ่ไล่ไปตั้งแต่กรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม มาจนถึงเพชรบุรีเองนั้นจะปูด้วยพื้นโคลนทั้งหมด ที่นี่จึงไม่ได้มีดีแค่เป็นสถานที่เพื่อการศึกษาวิจัยพัฒนาทางด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาซึมซับกับบรรยากาศดี ๆ พร้อมกับดื่มด่ำช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล
พาชมไฮไลท์ของแหลมผักเบี้ยที่น่าสนใจ ไปถึงแล้วต้องไม่พลาดร่วมกิจกรรมยอดฮิตตามวิถีสโลว์ไลฟ์

การจะเข้าไปในที่เที่ยวเพชรบุรีแห่งนี้นั้นมี 2 ทางเลือกด้วยกัน นั่นคือจะเลือกนั่งรถของโครงการเข้าไป หรือเลือกเป็นการเช่าจักรยานปั่นชมบรรยากาศตามสไตล์สายชิลก็ย่อมได้ มาถึงจุดบำบัดน้ำเสียแล้วก็ถ่ายรูปกันสักหน่อย ตรงจุดนี้ก็จะได้พื้นหลังเป็นหญ้าสวย และจุดนี้ก็จะเป็นจุดจอดจักรยานเช่นกัน เพราะไม่สามารถนำเข้าไปได้ เน้นเป็นการเดินเที่ยวชมความงดงามของธรรมชาติ ไม่ต้องห่วงว่าจะร้อน เพราะบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างที่จะร่มรื่น

มาถึงจุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดของที่เที่ยวเพชรบุรีแห่งนี้กันบ้าง กับสะพานไม้ที่ไม่ควรพลาดมาถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำ จากมุมที่ได้ยืนอยู่ปลายสะพานจะมองเห็นวิวท้องฟ้ากว้างตัดกับพื้นทะเลอย่างลงตัว ทั้งยังเป็นจุดดูนกชายทะเลที่ถือว่าดีเลยทีเดียว เพราะความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติดึงดูดให้มีนกหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ที่นี่ ยิ่งเดินทางมาในช่วงเย็นก็เหมือนได้รับโบนัสก้อนโตจากธรรมชาติ รับรองเลยว่าวิวตอนพระอาทิตย์ตกจะเติมเต็มความสุขในหัวใจได้ไม่มากก็น้อย

นอกจากนี้ยังมีจุดเช็คอินอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณรอบแหลมแห่งนี้ กับการเที่ยวชมวิถีชีวิตชาวประมงของคนท้องถิ่น ธนาคารปูม้าและแพปลา การแปรรูปสมุนไพรพื้นบ้าน การทำอาหารและขนมไทย ฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่น และกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการล่องเรือชมฝูงวาฬบรูดร้า
เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์
หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังมองหาที่เที่ยวเพชรบุรีไว้ไปพักผ่อนแบบเรียบง่ายในวันหยุดอันแสนสั้น สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว โดยทางโครงการจะเปิดให้เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.30 น.